ไม่มีบทความ
ไม่มีบทความ

ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บของนางสาวอุไรวรรณ เที่ยงตรงดี
บที่ 2 อุปกรณ์รับข้อมูลเข้า( Input Device) มีหน้าที่อะไรและมีอุปกรณ์อะไรบ้าง

อุปกรณ์รับข้อมูลเข้า(Input Device) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการรับข้อมูลเข้าไปสู่หน่วยประมวลผลกลาง ผู้ใช้สามารถป้อนข้อมูลคำสั่งต่างๆผ่านอุปกรณ์เหล่านี้ เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้ ได้แก่

1. แป้นพิมพ์(keyboard) เปป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับข้อมูลที่สามารถพิมพ์หรือเคาะได้ เช่น ตัวเลข ตัวอักษร
2. เมาส์ (Mouse) เป็นอุปกรณ์สำหรับข้อมูลจากการชี้ตำแหน่งบนจอภาพ
3. แทร็กบอล (Track Ball ) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการรับข้อมูล โดยการชี้และเลือกข้อมูลผ่านทางจอภาพเช่นเดียวกับเมาท์แต่ แทร็กบอลจะเลื่อนตัวชี้โดยการหมุนลูกบอลที่อยู่ด้านบน
4. จอยสติก (Joy Stick) เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่รับข้อมูลมีลักษณะเป็นคันโยกขึ้นลง ซ้าย ขวา เพื่อควบคุมตำแหน่งของตัวชี้
5. เครื่องอ่านบาร์โค๊ต (Bar Code Reader) เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลจากรหัสของเลขฐานสองที่อยู่ในรูปของรหัสแถบ (Bar Code) ซึ่งประกอบด้วยแถบสีดำตัวกำหนดรหัสที่แทนค่าของตัวเลข
6. สแกนเนอร์ (Scanner) เป็นอุปกรณ์รับข้อมูล โดยการอ่านหรือสแกน(Scan) ข้อมูลที่ต้องการ เครื่องสแกนจะมีเซลล์ไวแสงที่ตรวจจับความเข้มของแสงที่สะท้อนจากข้อมูล แล้วแปลงเป็นสัญญาณดิจิตอลให้เครื่องคอมพิวเตอร์ดำเนินการต่อไป
7. เครื่องอ่านอักำขระด้วยแสง (Optical Character Reader: OCR)เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลที่เป็นอักขระจากเอกสารต่างๆ เช่น ตัวอักษรบนเช็ค ตัวอักษรบนเอกสารอื่นๆ
8. เครื่องอ่านหมึกพิมพ์แม่เหล็ก (Magcnetic Ink Character Reader: MICR) เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลที่พัฒนาเพื่อใช้สำหรับการอ่าน สัญลักษณ์ที่พิมพ์จากหมึกพิมพ์ที่ผสมกับผงเหล็กออกไซด์
9. ปากกาแสง (Light Pen) เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลอีกชนิดหนึ่งโยการแตะปากกาแสงไปตามตำแหน่งหรือทิศทางที่ต้องการ มักใช้ในงานออกแบบ
10. จอสัมผัส (Touch Screens) เป็นอุปกรณ์สามารถทำงานได้ทั้งการรับและการแสดงผลการรับข้อมูลจะใช้นิ้วสัมผัสที่หน้าจอ เพื่อเลือกเมนู เช่น หน้าจอของเครื่อง ATM
11. กล้องถ่ายภาพดิจิตอล (Digital Camera) เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลโดยการถ่ายภาพ ข้อมูลที่ได้จะถูกเปลี่ยนเป็นสัญญาณดิจิตอลแล้วเก็บข้อมูลดิจิตอลนั้นไว้ในอุปกรณ์ CCD (Charge Coupled Device) แล้วส่งข้อมูลไปประมวลผลได้
12. ไมโครโฟน (Microphone) เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลจากเสียงพูดโยตรง เสียงที่ได้จะถูกแปลงสัญญาณดิจิตอล เพื่อให้คอมพิวเตอร์ประมวลผลได้

อุปกรณ์ของหน่วยประมวลผล มีหน้าที่อะไรและมีอุปกรณ์อะไรบ้าง
หน่วยปรุมวลผลจะทำหน้าที่ควบคุมและปฎิบัติการตามขั้นตอนของโปรแกรม ในขณะที่หน่วยความจำจะเป็นที่พักของโปรแกรม ข้อมูลนำเข้า และผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลก่อนำออกไปแสดงทางอุปกรณ์แสดงผล ได้แก่

1. เทปแม่เหล็ก (Magnetic Tape) เป็นหน่วยความจำที่ใช้เก็บข้อมูลมาตั้งแต่ยุคแรกจนถึงปัจจุบัน ลักษณะของเทปแม่เหล็กบันทึกข้อมูลคล้ายกับแม่เหล็กที่ใช้ในการบันทึกเสียง
2. จานแม่เหล็ก (Magnetic Disk) เป็นหน่วยความจำที่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้โดยตรง (DASD: Direct Access Storage Device) การบันทึกและการอ่านข้อมูลบนจานแม่เหล็กใช้หลักการเดียวกับเทปแม่เหล็ก แต่การเข้าถึงเนื้อที่เก็บข้อมูลนั้น อาศัยตำแหน่งที่ถูกกำหนดโดยระบบปฎิบัติการ
3. จานแม่เหล็กแบบออ่นหรือดิสก์เก็ต (Floppy Disk: Diskette) เป็นจานแม่เหล็กชนิดหนึ่งที่สร้างจากแผ่นไมลาร์ (Mylar) ฉาบด้วยเหล็กออกไซด์ เป็นจานแม่เหล็กแผ่นเดียว และห่อหุ้มด้วยพลาสติก
4. ฮาร์ดดิสก์ (Harddisk) เป็นหน่วยความจำสำรองที่มีหลักการเช่นเดียวกับจานแม่เหล็กส่วนที่เก็บข้อมูลทำจากแผ่โลหะ เรียกว่า แพลตเตอร์ (Platters) และฉาบด้วยเหล็กออกไซด์ ส่วนที่เป็นเครื่องอ่านฮาร์ดดิสก์ถูกออกแบบให้เป็นชุดเดียวกันกับส่วนเก็บข้อมูล
5. ซีดีรอม (CD-ROM: Compact Disk Read ONly Memory) เป็นอุปกรณ์บันทึกข้อมูลโดยใช้เทคโนโลยีแสงเลเวอร์ เป็นเทคโนโลยีเดียวกับซีดีเพลง การบันทึกข้อมูลบน CD-ROM ต้องใช้เครื่องมือพิเศษจากบริษัทผู้ผลิต ข้อมูลบน CD-ROM จะถูกเรียงกันเป็นแถวยาวจับเป็นก้นหอย
6. ซีดี-อาร์ (CD-R: CD-Recordable) เป็น CD ที่สามารถบันทึกข้อมูลโดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า CD-R Drive โดยการติดตั้งไดร์นี้เข้ากับเครื่องคอมพวเตอร์ ทำให้สามารถบันทึกข้อมูลจากการประมวลผล ลงบน CD-R ได้ด้วย
7. วอร์มซีดี (WORM CD: Write One Read Many CD) เป็น CD ที่บันทึกข้อมูลได้ครั้งเดียว แต่สามารถอ่านข้อมูลกี่ครั้งก็ได้ ความจุตั้งแต่ 600 MB ถึง 3 GB ขึ้นไป ซึ่งเมื่อบันทึกข้อมูลจากเครื่องใดจะต้องใช้เครื่องอ่านรุ่นเดียวกัน
8. เอ็มโอดิสก์ (MO: Magneto Optical Disk) เป็นจานแม่เหล็กที่ใช้เทคโนโลยีแม่เหล็กและเทคโนโลยีแสงเลเซอร์ร่วมกัน ทำให้การบันทึกและการอ่านข้อมูลทำได้หลายครั้งเช่นเดียวกับจานแม่เหล็กทั่วไป ขนาดของดิสก์ใกล้เคียงกับดิสก์เก็ต 3.5 นิ้ว แต่มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย
9. ดีวีดี(DVD: Digital Versatile Disk) เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดสำหรับอุปกรณ์ในการบันทึกข้อมูล แผ่นดีวีดีสามารถเก็บข้อมูลได้ต่ำสุดที่ 4.7 GB ความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลเป็น 600 KB ต่อวินาที เครื่องอ่านดีวีดีสามารถใช้กับซีดีรอมได้ด้วย

อุปกรณ์แสดงผลมีหน้าที่อะไรและมีอุปกรณ์อะไรบ้าง

อุปกรณ์แสดงผล เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่รับผลจากการประมวณผลที่เก็บไว้ในหน่วยความจำหลัก ออกแสดงตามลักษณะของอุปกรณ์ ซึ่งมีอยู่ไม่กี่ประเภทที่นิยมใช้ คือ

1. จอภาพ (Monitor) เป็นอุปกรณ์แสดงผลที่สามารถติดต่อกับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ได้ทันทีที่มีการประมวลผลเกิดขึ้น

2. เครื่องพิมพ์ (Printer) เป็นอุปกรณ์แสดงผลออกทางกระดาษ สามารถแบ่งเครื่องพิมพ์ตามวิธีการพิมพ์ได้ 2 ประเภท คือ 1. เครื่องพิมพ์ประเภทกระทบ 2. เครื่องพิมพ์ชนิดไม่กระทบ

3. เครื่องวาดรูปพลอตเตอร์ เป็นอุปกรณ์แสดงผลลัพธ์ โดยการสร้างรูปภาพแบบทางวิศวกรรม ทางสถาปัตยกรรม ซึ่งเป็นภาพขนาดใหญ่ มีรายละเอียดเช่นเดียวกับระบบเคด หรือพิมพ์เขียว

4. เครื่องแสดงผลลัพะด้วยเสียง ลำโพง เป็นอุปกรณ์ที่แสดงผลลัพธ์ด้วยเสีง ที่เกิดจากการ์ดเสียง หน้าที่หลักคือ เมื่อการ์ดเสียงเปลี่ยนสัญญาณเสียงดิจิตอลให้เป็นกระแสไฟฟ้า ผ่านมายังลำโพงทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของแม่เหล็กและเกิดการสั่นสะเทือนของลำโพง มีผลทำให้เกิดเสียงในระดับต่างๆ

บทที่ 3 ระบบสารสนเทศประกอบไปกี่ส่วน คืออะไรบ้าง

ระบบสารสนเทศประกอบไปด้วย 5 ส่วน หลักๆดังนี้

1. ข้อมูล คือ ทรัพากรสำคัญซึ่งแบ่งย่อยได้เป็น ข้อมู,ทัวไป, ข้อความ,ภาพ, เสียง, Tactile data และข้อมูลจากเครื่องรับรู้

2. การจัดเก็ฐ คือ ขั้นตอน หรือ วิธีการรักษาไว้ซึ่งข้อมูล

3. เครื่องมือที่ใช้จัดเก็บข้อมูลและประมวลผล คือ อุปกรณ์ที่ใช้จัดเก็ฐข้อมูล เช่น computer

4. การประมวลผล

5. สารสนเทศ คือ ผลผลิตของระบบสารสนเทศ ซึ่งประกอบไปด้วยความถูกต้อง ตรงประเด็น ทันสมัย กะทัดรัด

ปัจจุบันนิยมประมวลผลด้วยอะไรบ้าง นศ.คิดว่าเพราะอะไร จงให้เหตุผล

ปัจจุบันนิยมประมวลผลด้วยแรงงานคน และเครื่องมืออิเล็กทรอนิคส์ เนื่องปัจจุบันลักษณะการทำงานและชีวิตประจำวันได้ถูกพัฒนาให้มีการใช้หรือบริโภคข้อมูลจำนวนมาก ซึ่งส่งผลให้การประมวลผลด้วยเครื่องมืออิเล็กทรอนิคส์ มีความสำคัญมากขึ้น เพื่อความรวดเร็วและแม่นยำในการประมวลผล แต่เนื่องจากเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันไม่สามารถใช้เครื่องมืออิเล็คทรอนิคส์ได้ตลอดเวลา ดังนั้นหากเป็ฯการประมวลผลด้วยข้อมูลจำนวนน้อยๆ ง่ายๆ

ขั้นตอนการประมวลผลข้อมูลด้วยเครื่องอิเล็กทรอนิคส์ แบ่งได้กี่วิธีอะไรบ้าง

ขั้นตอนการประมวลผลข้อมูลด้วยเครื่องอิเล็กทรอนิคส์ สามารแบ่งได้เป็น 3 วิธี หรือ 3 ขั้นตอนดังนี้

ขั้นตอนรวบรวมข้อมูล ขั้นตอนประมวลผล ขั้นตอนแสดงผลลัพธ์
-การลงรหัส -การคำนวณ -รูปแบบเอกสาร

-การตรวจสอบ -การเรียงลำดับข้อมูล -การนำเสนอบนจอ

-การจำแนก -การสรุป ภาพ

-การบันทึกข้อมูลลงสื่อ -การเปรียบเทียบ ฯลฯ

ซึ่งทั้ง 3 ขั้นตอนจะทำงานสอดคล้องกัน เช่น การพิมพ์ข้อมูลลง บนคอมพิวเตอร์ การกดปุ่มบนแป้นพิมพ์จะอยู่ในขั้นตอนรวบรวข้อมูล ระบบรับข้อมูลที่ถูกพิมพ์ลงไปแจกแจงลักษณะแล้วบันทึกลงหน่วยความจำชั่วคราว หลังจากนั้นหน่วยประมวลผลจะทำการนำข้อมูลประมวลผลไปเปรียบเทียบข้อมูลหลัก เช่นแบบอักษร สี ขนาดแล้วส่งต่อมายังหน้าจอภาพเพื่อเป็นการแสดงผลลัพธ์

หน่วยที่เล็กที่สุดในการมอของคอมพิวเตอร์
Bit หรือ บิท เป็นหน่วยที่เล็กที่สุดในการมองของคอมพิวเตอร์มีลักษณะเป็นวงจรเปิด และ ปิด จึงถูกนำมาเปรียบเทียบของเลขฐาน 2 เช่น ถ้าใช้ 2 บิท จะสื่อได้คือ 00,01,10,11

จงเรียงลำดับโครงสร้างข้อมูของการมองของผู้ใช้งานจากขนาดเล็กไปใหญ่
จากการมองของผู้ใช้ข้อมูลจะสามารถเรียงลำดับจากเล็กไปใหญ่ได้ดังนี้

1. ตัวอักขระ (Character) เช่น ตัวอักษร ตัวเลข หรือสัญลักษณ์

2. เขตข้อมูล (Field) หรือรายการ (Item) คือ การนำอักขระมาเรียงกันจนมีความหมายเช่น คำ, ชื่อ, นามสกุล

3. ระเบียบ (Record) คือ กลุ่มของฟิลด์ที่มีความสัมพันธ์กันมารวมกัน

4. แฟ้มข้อมูล (file) คือ การนำเรคคอร์ชนิดเดียวกันมารวมไว้ด้วยกัน เช่น แฟ้มข้อมูลสินค้าในการประมวลผลด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถแบ่งได้เป็น

- แฟ้มข้อมูลหลัก (Master file) คือ แฟ้มข้อมูลที่เก็บข้อมูลถาวร โดยปกติมักไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลง

- แฟ้มรายการ (Transaction file) คือ แฟ้มข้อมูลที่รวบรวมการเปลี่ยนแปลงบางอย่างของแฟ้มข้อมูลหลัก เก็บเป็นรายย่อยๆ


บทที่ 4 การสื่อสารข้อมูลบนระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

· สื่อกลางประเภทมีสาย มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง จงเปรียบเทียบ

สายคู่บิดเกลียว (Twisted Pair Cable)

ข้อดี

· ราคาถูก

· มีน้ำหนักเบา

· ง่ายต่อการใช้งาน

ข้อเสีย

· มีความเร็วจำกัด

· ใช้กับระยะทางสั้นๆ


สายโคแอกเชียล (Coaxial)

ข้อดี

· เชื่อมต่อได้ในระยะไกล

· ป้องกันสัญญาณรบกวนได้ดี

ข้อเสีย

· มีราคาแพง

· สายมีขนาดใหญ่

· ติดตั้งยาก


สายใยแก้วนำแสง(Optic Fiber)

ข้อดี

· มีขนาดเล็กน้ำหนักเบา

· มีความปลอดภัยในการส่งข้อมูล

· มีความทนทานและมีอายุการใช้งานยาวนาน

ข้อเสีย

· เส้นใยแก้วมีความเปราะบาง แตกหักง่าย

· มีราคาสูง เมื่อเทียบกับสายเคเบิลทั่วไป

· การติดตั้งจำเป็นต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ


· สื่อกลางประเภทไม่มีสาย มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง จงเปรียบเทียบ

ข้อดี-ข้อเสีย ของการสื่อสารด้วยดาวเทียม

ข้อดี

การส่งข้อมูลหรือการส่งสัญญาณแบบดาวเทียมจะสามารถรับ-ส่ง ข้อมูลได้เร็ว สะดวกต่อการติดต่อสื่อสาร และสามารถส่งข้อมูลได้ในระยะทางที่ไกล

ข้อเสีย

การส่งสัญญาณข้อมูลทางดาวเทียมก็คือระบบดาวเทียมนั้น คล้ายกับไมโครเวฟ คือ อาจจะ ถูกกระทบโดยสภาพอากาศ ดังนั้น มีการล่าช้าของสัญญาณในการส่งข้อมูลแต่ละช่วง ดังนั้นการเชื่อมโยงข้อมูล จัดการกับปัญหาความล่าช้า สัญญาณข้อมูลสามารถถูกรบกวนจากสัญญาณ ภาคพื้นอื่น ๆ ได้ อีก ในการส่งสัญญาณเนื่องจากระยะทางขึ้น-ลง ของสัญญาณ และที่สำคัญคือ มีราคาสูงในการลงทุนทำให้ค่าบริการสูงตามขึ้นมา


ข้อดี-ข้อเสียของระบบไมโครเวฟ (Microwave System)

ข้อดี

สัญญาณคลื่นความถี่ประมาณ 100 เมกะเฮิรตซ์ เดินทางเป็นเส้นตรง ทำให้สามารถปรับทิศทางการส่งได้แน่นอน การบีบสัญญาณส่งให้เป็นลำแคบ ๆ จะทำให้มีพลังงานสูง สัญญาณรบกวนต่ำ การปรับจานรับและจานส่งสัญญาณให้ตรงกันพอดี จะทำให้สามารถส่งสัญญาณได้หลายความถี่ไปในทิศทางเดียวกันได้ โดยไม่รบกวนกัน

ข้อเสีย

คลื่นไมโครเวฟไม่สามารถเดินผ่านวัตถุที่กีดขวางได้ สัญญาณอาจเกิดการหักเหในระหว่างเดินทางทำให้มาถึงจานรับสัญญาณช้ากว่าปกติและสัญญาณบางส่วนอาจสูญหายได้ เรียกว่าเกิด “multipath fading”

ข้อดี-ข้อเสียของคลื่นวิทยุ

ข้อดี :

ติดตั้งเพื่อเชื่อมโยงการติดต่อได้สะดวก เพียงต่ออุปกรณ์เครื่องรับ-ส่งวิทยุกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ แล้วตรวจสอบความเรียบร้อยของระบบก็สามารถจะสื่อสารข้อมูลทั้งภายในและภายนอกอาคารได้ เนื่องจากในการสื่อสารด้วยระบบวิทยุจะมีระบบความพร้อมก่อนทำการรับส่งข้อมูล จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องสัญญาณรบกวน

ข้อเสีย :

มีอัตราเร็วในการส่งข้อมูลต่ำ นอกจากนี้ยังต้องทำการขออนุญาตใช้ความถี่วิทยุกับกรมไปรษณีย์โทรเลขเสียก่อน สำหรับค่าใช้จ่ายในเรื่องของอุปกรณ์สื่อสารนั้นค่อนข้างจะมีราคาแพงกว่าการสื่อสารด้วยสายสัญญาณ


· PAN และ SAN คืออะไร จงอธิบาย

PAN (Personal Area Network) คือ "ระบบการติดต่อสื่อสารไร้สายส่วนบุคคล" ย่อมาจาก Personal Area Network หรือเรียกว่า BluetoothPersonal Area Network (PAN)คือเทคโนโลยีการเข้าถึงไร้สายในพื้นที่เฉพาะส่วนบุคคล โดยมีระยะทางไม่เกิน 1เมตร และมีอัตราการรับส่งข้อมูลความเร็วสูงมาก (สูงถึง 480 Mbps) ซึ่งเทคโนโลยีที่ใช้กันแพร หลาย ก็เช่น• Ultra Wide Band (UWB) ตามมาตรฐาน IEEE 802.15.3a• Bluetooth ตามมาตรฐาน IEEE 802.15.1• Zigbee ตามมาตรฐาน IEEE 802.15.4เทคโนโลยีเหล่านี้ใช้สำหรับการติดต่อสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง(peripherals) ให้สามารถรับส่งข้อมูลถึงกันได้ และยังใช้สำหรับการรับส่งสัญญาณวิดีโอที่มีความละเอียดภาพสูง (high-definition video signal) ได้ด้วยPersonal Area Network (PAN)ช่วยให้เราสามารถจัดการข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ต่างๆที่เคลื่อนที่ไปมาได้อย่างหลากหลาย

SAN = (Storage Area Network) เป็นเทคโนโลยีเพื่อช่วยเข้าถึงข้อมูลในอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ เพื่อเข้ามาแทนที่การเชื่อมต่ออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลโดยตรงอย่าง Direct Attached Storage (DAS) ซึ่งมีข้อจำกัดอยู่หลายอย่าง เช่น ความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล ความถูกต้องของข้อมูล หรือ พื้นที่จัดเก็บ ให้เกิดความยืดหยุ่นในการเข้าถึงอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลมากกว่า โดยมีพื้นฐานมาจากมาตรฐานเปิดเน็ตเวิร์กโปรโตคอล


ปัจจุบันการต่อเชื่อมของ SAN จะมี 2 รูปแบบ หรือ 2 Protocol คือ

Fibre Channel Protocol และ iSCSI

- FC จะเป็นการต่อเชื่อมโดยใช้สายไฟเบอร์ในการเชื่อมต่อและจะต้องมี SAN Switch โดยมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่ 4Gbps และ 8Gbps รวมถึงต้องมี interface card ที่เรียกว่า Host Bus Adapter (HBA)

- iSCSI จะเชื่อมต่อโดยใช้สาย LAN (RJ45) สามารถใช้ Network Switch เดิมที่มีอยู่ได้เลย ความเร็วขึ้นอยู่กับ network ที่ใช้ว่าเป็น 1Gbps หรือ 10Gbps โดยสามารถใช้ LAN Card เดิมที่มีอยู่ก็สามารถใช้งานได้ โดยจะต้องลง software iSCSI initiator (จะใช้ความสามารถของ CPU และ memory ของ server ในการประมวลผล)


ชัยชนะที่ยั่งยืน

สตีเวน สปีลเบิร์ก ผู้กำกับและนักสร้างหนังชื่อดังแห่งฮอลลีวู้ด เล่าว่าเมื่ออายุ 13 ปี ชีวิตของเขาเหมือนตกอยู่ในนรก เพราะที่โรงเรียนมีอันธพาลวัย 15 คนหนึ่งชอบทำร้ายเขา ทั้งทุบตีและขว้างปาระเบิดไข่เน่าใส่เขา เขาทนสภาพนี้อยู่นาน แล้ววันหนึ่งเขาก็เข้าไปหาอันธพาลคนนั้นและพูดว่า "เธอรู้ไหม ฉันกำลังถ่ายทำหนังเรื่องสู้กับนาซี เธออยากเล่นบทพระเอกไหม" ทีแรกอันธพาลหัวเราะใส่เขา แต่ในที่สุดก็ตกลง สปีลเบิร์กเล่าว่า หลังจากถ่ายทำวีดีโอเสร็จ อันธพาลคนนั้นได้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทของเขา

การที่สปีลเบิร์กให้การยอมรับเขาและเปิดโอกาสให้เขาได้เป็นพระเอก มีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนเขาจาก "ศัตรู" ให้กลายเป็นมิตรได้ เพราะลึกๆ วัยรุ่นคนนั้นก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการได้รับความยอมรับ สปีลเบิร์กชนะใจเขาด้วยการยื่นไมตรีให้แทนที่จะตั้งตัวเป็นศัตรูหรือยอมจำนนต่ออำนาจบาตรใหญ่ของเขา น้ำใจไมตรีไม่เพียงแปรเปลี่ยนความขัดแย้งให้คลี่คลายไปในทางที่ดีเท่านั้น หากยังสามารถเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ด้วย นักธุรกิจไทยผู้หนึ่งได้เล่าถึงประสบการณ์เมื่อครั้งไปเรียนหนังสือในเมืองบอสตันว่า เธอเคยถูกคนผิวดำล็อกคอและเอามีดจี้ขณะรอสัญญาณไฟเขียวบนเกาะหน้ามหาวิทยาลัย เมื่อโจรพบว่าในกระเป๋าของเธอมีเงินแค่ 20 ดอลลาร์ ก็ไม่พอใจ เขาขุ่นเคืองหนักขึ้นเมื่อพบว่าเธอไม่มีนาฬิกา แหวนและกำไรเลยสักอย่าง เขาจึงถามเธอว่า "เป็นคนเอเชียมาเรียนที่นี่ได้ก็ต้องรวยไม่ใช่หรือ" เธอตอบว่า "สำหรับฉันน่ะไม่ใช่ เพราะได้ทุนมา" แล้วโจรก็ย้อนกลับมาถามถึงเงิน 20 ดอลลาร์ว่าจะเอาไปทำอะไร เธอตอบว่า เอาไปซื้อไข่ เขาถามเธอว่าเอาไข่ไปทำอะไร "เอาไปต้มกินได้ทั้งอาทิตย์" เธอตอบตามความจริงเพราะตอนนั้นการเงินฝืดเคือง

ระหว่างที่โต้ตอบกันอยู่นั้น ยามหน้ามหาวิทยาลัยเห็นผิดสังเกต จึงยกหูโทรศัพท์เรียกตำรวจ เธอมองเห็นพอดีก็เลยโบกมือว่า "ไม่ต้องๆ เราเป็นเพื่อนกัน" โจรได้ยินเช่นนั้นก็งง ถามว่า "คุณรู้จักกับผมตั้งแต่เมื่อไหร่" "ก็เมื่อกี้ไง" เธอตอบ โจรเปลี่ยนท่าทีไปทันที หลังจากสนทนาพักใหญ่ โจรไม่เพียงแต่จะคืนเงินให้เธอ หากยังพาเธอไปซื้อไข่และซื้ออาหาร 3 ถุงใหญ่ พร้อมทั้งหิ้วมาส่งถึงหน้ามหาวิทยาลัย แล้วยังแถมเงินอีก 50 ดอลลาร์ เรื่องนี้ยังไม่จบเพราะวันรุ่งขึ้นเธอนำเงิน 50 ดอลลาร์นั้นไปซื้อเครื่องปรุงอาหารไทย แล้วไปเยี่ยมบ้านเขาเพื่อทำต้มยำกุ้งให้กินกันทั้งครอบครัว นับแต่นั้นทั้งสองฝ่ายก็ไปมาหาสู่กัน เธอเล่าว่าทุกวันนี้หากมีธุระไปบอสตันก็จะไปแวะเยี่ยมครอบครัวนี้ทุกครั้ง น้ำใจไมตรีและความดีนั้นมีพลังที่สามารถเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี และเปลี่ยนภัยคุกคามให้เป็นสะพานสานมิตรภาพได้ ใช่หรือไม่ว่าการกำจัดศัตรูที่ดีที่สุดก็คือการเปลี่ยนเขามาเป็นมิตรนั่นเอง นี้คือชัยชนะที่ให้ผลยั่งยืนกว่าชัยชนะด้วยกำลังที่เหนือกว่า